เที่ยว Van Gogh Museum : SS Museum EP.14 มิวเซียมศิลปินระดับตำนาน ใครๆ ก็ต้องรู้จัก!

เที่ยว Van Gogh Museum : SS Museum EP.14 มิวเซียมศิลปินระดับตำนาน ใครๆ ก็ต้องรู้จัก!

เที่ยว Van Gogh Museum – ถ้าคุณเป็นคนชื่นชอบศิลปะ หรือไม่ค่อยสันทัด ยังไงก็ต้องเคยได้ยินชื่อศิลปินระดับตำนานคนนี้ แวนโก๊ะห์ Van Gogh ที่เรียกว่า ผลงาน Masterpiece หลายชิ้นของเค้าถูกจัดแสดงที่มิวเซียมในเมือง Amsterdam ประเทศ Netherlands ที่เรียกว่า ครบ จบ ที่เดียว จนเป็นอีกหนึ่งในมิวเซียมระดับโลกที่ต้องไปเยือนให้ได้ (ผู้เขียนไปมาแล้ว ขอบอกว่า คุ้มค่า!) วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับมิวเซียมของศิลปินระดับโลกคนนี้ด้วยกัน

.

เพื่อนๆ คนไหนที่ชอบเรื่องราวของมิวเซียมจากทั่วโลก เรารวมไว้แล้วที่โซน Travel > Museum คลิกเลย! หรือเรื่องของ Brand คลิกเลย!

.

The Timeless Master

ถ้าให้คิดถึงชื่อศิลปินที่เปลี่ยนโลก Van Gogh คือหนึ่งในนั้น, ถ้าเราเคยเห็นผลงานของเค้าแล้วคิดว่านี่มันคือ ภาพวาดป้ายสีง่ายๆ เราขอบอกว่า มิวเซียมนี้จะเปลี่ยนความคิดของคุณ! เพราะที่นี่จะจัดแสดงผลงานของ Van Gogh ตั้งแต่เด็กจนเสียชีวิต ที่เรียกว่า เค้าเป็นเทพในการวาดภาพ Drawing มาตั้งแต่เด็ก จนเรียกว่า ไม่มีอะไรที่เค้าวาดไม่ได้ เวลาหลังจากนั้นเค้าจึงพยายามหาสไตล์ของตนเอง จนกลายมาเป็น Masterpiece หลายชิ้นที่โชว์ให้เราเห็นที่นี่ แต่น่าเสียดายที่สุดที่เจ้าตัวเองไม่เคยได้รับรู้เลยว่า ผลงานของเค้าสุดยอดแค่ไหน..

.

.

พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ (Van Gogh Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์สไตล์ Modern ที่อยู่ในย่าน Museumplain ของกรุงอัมเตอร์ดัมส์ (ย่านนั้นจะมีมิวเซียมดีๆ มากมายเรียกว่าไปวันเดียว เก็บครบ) ที่นี่จะเก็บรวบรวมผลงานจำนวนมากที่สุดของศิลปินเอกชาวดัตช์ผู้นี้ไว้มากที่สุดในโลก โดยมีผลงานภาพสีกว่า 200 รูป รูปวาด 500 รูป และจดหมายที่เขียนด้วยลายมือกว่า 700 ฉบับ

.

.

Discover the Dutch artist

มิวเซียมนี้เปิดตั้งแต่ปี 1973 (มากกว่า 50 ปี แต่ยังดูทันสมัยอยู่เลย) ที่ตั้งใจจะเป็นที่ๆ เก็บรวบรวมงานทั้งภาพวาด ภาพระบายสี และภาพพิมพ์ จดหมายต่างๆ ซึ่งขอยืมมาจาก Van Gogh Trust โดยเป็นผลงานบางส่วนของแวน โก๊ะห์ หรือ วินเซนต์ แวน โก๊ะห์ (Vincent Van Gogh) จิตรกรเอกชาวดัตช์ผู้บุกเบิกงานศิลปะแนวใหม่แห่งยุคการจัดแสดงผลงานของที่นี่จะมีหลายภาพวาดชื่อดัง เช่น The Potato Eaters, The Café Terrace, Starry Night และ Sunflowers

.

.

Van Gogh เป็นคนดัชต์ตั้งแต่กำเนิด เกิดในปี 1853 และเริ่มวาดภาพตั้งแต่สมัยวัยรุ่น แต่สุดท้ายเรื่องราวชีวิตเค้าไม่ค่อยจบสวยนัก เพราะเค้าตัดหูตนเอง และ ยิงตัวตายในปี 1890 แค่เพียง 10 ปีหลังจากที่เริ่มวาดภาพเท่านั้น แต่ผลงานทั้งหมดของเค้าก็ตกเป็นของน้องชาย (ธีโอ) ที่เข้าใจและมักจะลงทุนกับงานศิลปะ ทั้งผ้าใบ สี อุปกรณ์ต่างๆ ให้เค้าเสมอ – งานภาพของ Van Gogh ถือเป็นอีกงานที่ล้ำลึกและเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ในการใช้คู่สี เพียงแค่การสะบัดแปรงง่ายๆ ผสมสีร้อน สีเย็น จนกลายมาเป็นภาพวาดระดับตำนานหลายต่อหลายภาพ ใครเห็นครั้งเดียวก็จำได้ และกลายเป็น Iconic มากมายในยุคของพวกเรา

.

.

ภายในมิวเซียมจะได้เห็นผลงานภาพวาดของเค้า และยังมีอุปกรณ์ จดหมายต่างๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตยุคหนึ่งของเค้า ความเจ๋งคือ เราจะได้เห็นฝีแปรงที่เรียกว่า ซูมดูได้สุดๆ หรือ ลายมือเค้าขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่ล้วนแล้วเป็นสมบัติระดับโลกทั้งสิ้น

.

.

Save the masterpiece in your eyes

และกฎที่สำคัญที่สุดของมิวเซียมนี้คือ ห้ามถ่ายภาพ เด็ดขาด เพื่อเป็นการลดปัญหาการเผยแพร่งาน และทำให้ผู้เยี่ยมชมทุกคนมีเวลาดื่มด่ำกับงานศิลปะได้อย่างเต็มที่ — สำหรับเรามองว่าดีมาก และ Enjoy กับงานของแวนโก๊ะห์มากๆ เลย เราจะพามาดู Highlights ของที่นี่กันดีกว่า

.

Sunflowers (1889)

ภาพดอกทานตะวันที่เรียกว่าเป็น Collection สำคัญของเค้า ถูกวาดขึ้นในปี 1889 ผลงานนี้เป็นผลงานที่สื่อถึงชีวิตศิลปินของเขา ตอนที่อยู่ที่ทางตอนใต้ ของประเทศฝรั่งเศส

.

Almond Blossom (1890)

อีกหนึ่งผลงานสีสวยที่เรียกว่า ถูกนำมาเป็นภาพจำอีกใบ ที่ถือว่าเป็นผลงานแห่งความหวังของแวนโก๊ะห์ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ที่เค้าตั้งใจวาดรับขวัญหลานของตนเอง ในระหว่างที่รับการรักษาอาการทางจิตที่ฝรั่งเศสอยู่ก็ตาม

.

Self-Portrait with Grey Felt Hat (1887)

แวนโก๊ะห์ ถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกการ Selfie คนต้นๆ ของโลก จากผลงาน Self-Portrait หรือการวาดภาพตนเอง ที่เจ้าตัวมีหลายภาพเหลือเกิน และนี่เป็นอีกหนึ่งภาพที่ขึ้นชื่อด้านการใช้คู่สีน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม

.

The Bedroom (1888)

ภาพห้องนอนสีสันสดใส ที่เรียกว่าเป็นฉากถ่ายภาพของยุคนี้ ถูกวาดขึ้นโดยศิลปินชั้นเอก ที่วาดขณะเช่าบ้านอยู่ที่เมืองชนบททางฝรั่งเศส

.

The Potato Eaters (1885)

นี่คือภาพการจิกกัดสังคมขั้นสุด และถ้าไม่เคยรู้จักก็คิดว่าไม่น่าใช่ผลงานของเค้า แต่สายตาของบุคคลในภาพ คู่สี ที่สะท้อนถึงการใช้ชีวิตอย่างยากลำบากของคนชนชั้นหนึ่งจะพาเราไปรู้จักเค้ามากขึ้น

.

นอกจากนี้ยังมีผลงานอื่นๆ อีกมากมายที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา ที่ถูกกระจายอยู่ตามมิวเซียมทั่วโลก เช่น

• The Starry Night — MoMA New york
• Café Terrace at Night — Kröller-müller museum, Netherlands
• Starry Night Over the Rhone — Musée d’Orsay, France
• Self-portrait — Musée d’Orsay, France

.

.

*เราเคยเขียนถึง MoMA New york ไปแล้ว อ่านได้ที่ > https://www.style-stay.com/travel/moma-new-york-ss-museum/

.

จากการที่ที่นี่ ถ่ายภาพไม่ได้ไม่ได้แปลว่า เราจะไม่สามารถชื่นชมได้แค่ที่มิวเซียม เพราะด้านล่างมี Museum Shop ที่ขายของที่ระลึกจากภาพวาดระดับตำนานอยู่เพียบ และผลิตสินค้าให้เข้ากับยุคสมัย ตั้งแต่ เสื้อยืด การ์ด ไพ่ แก้วน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ถือว่าเป็นของฝากจากอัมเตอร์ดัมส์ได้เป็นอย่างดี

.

.

Modern Graphic x Post-Impressionist Artist

เราอาจกล่าวได้ว่า Van Gogh คือศิลปินในยุค Post-Impressionist ซึ่งไม่อยากเชื่อว่าจะเข้ากันได้ดีกว่า Corporate Identity ของมิวเซียมที่เรียกได้ว่า Modern มากๆ ส่วนตัวคือชอบมาก ชอบกราฟิก ชอบการจัดการที่ทำให้ดู Friendly แต่ยังดึงกลิ่นอายในฝีแปรงของแวนโก๊ะห์ออกมาได้อยู่ กราฟิกของมิวเซียมช่วยส่งเสริมมากๆ โดย Koeweiden Postma

.

.

และนี่คือมิวเซียมที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนมา ใช้เวลาไม่นาน แต่สัมผัสถึงความรู้สึกของศิลปินได้เต็มที่ และที่สำคัญรอบๆ มิวเซียมยังมีหลายที่น่าสนใจอีกเยอะเลย และ 1 ในนั้นคือ RijkMuseum มิวเซียมระดับชาติของเนเธอร์แลนด์ ที่เราเคยเขียนบทความฉบับเต็มไว้แล้วนั่นเอง

.

.

>> อ่าน RijkMuseum ได้ที่ https://www.style-stay.com/travel/rijkmuseum-ss-museum-ep-7/

Reference

• https://www.vangoghmuseum.nl/en
• https://www.behance.net/gallery/28145905/Van-Gogh-Museum
• https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=808
• https://whenorwhere.com/destination/van-gogh-museum

.