Casa Milà : SS Museum EP.5 งานออกแบบบ้านที่เรียบที่สุดของเกาดี้แห่งบาร์เซโลน่า
Casa Mila เที่ยว — ถ้าใครเป็นแฟนตัวยงของศิลปินชื่อก้องโลกอย่าง Antoni Gaudí เราเชื่อว่า เมือง Barcelona ประเทศ สเปน คือจุดหมายปลายทางแรกที่คุณต้องมาแน่นอน และเชื่อเถอะว่า เมืองนี้ดีงามมาก พร้อมไล่เรียงผลงานของเกาดี ได้นับไม่ถ้วน (ทั้งในเมืองและชานเมือง)
.
แต่ในบรรดาผลงานทั้งหลายทั้งหมด เราขอเลือกอันแรกที่ประทับใจทั้งโครงสร้าง วิวบนดาดฟ้า และเป็นงานของเกาดีอันแรกที่เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมชม จนประทับใจขั้นสุด! (First Impression แหละ) เราจึงขอแนะนำมิวเซียมแห่งบาร์เซโลน่าที่ห้ามพลาด นั่นคือ Casa Milà
เพื่อนๆ คนไหนที่ชอบเรื่องราวของมิวเซียมจากทั่วโลก เรารวมไว้แล้วที่โซน Travel > Museum คลิกเลย! หรือเรื่องของ Brand คลิกเลย!
.
ที่นี่เจ๋งขนาดไหน มีเรื่องราวอะไรอยู่เบื้องหลังอาคารสุดบิดเบี้ยว บนทำเลใจกลางเมืองบาร์เซโลนาขนาดนี้ เราจะขอพาทุกคนย้อนไปยังปี 1906 ด้วยกัน
.
The Mila Apartment
ย้อนไปในปี 1906 มีคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน Pere Mila นักธุรกิจและนักกฎหมายผู้ร่ำรวย ได้แต่งงานกับ Roser Segimon แม่หม้ายสาวผู้ร่ำรวยไม่แพ้กันที่เลือกซื้อของขวัญแต่งงานให้ตนเอง นั่นคือ ที่ดินขนาด 1,835 ตารางเมตร บนถนน Passeig de Gràcia (ถนนที่เรียกได้ว่าเป็นย่านหรูที่เจริญย่านหลักของบาร์เซโลน่า และเจริญมาตั้งแต่ในยุคนั้น เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่)
.
เมื่อได้ที่ดินมาแล้ว ทั้งสองอยากจะเนรมิตที่ดินนี้ให้เป็นเรือนหอ และในยุคนั้นการที่จะโชว์ความรวยสูงสุดคือ ต้องจ้างศิลปินมาออกแบบบ้านให้ และยุคนั้นก็ฮิตสไตล์ Art Nouveau (สไตล์พริ้วๆ งานไม้แกะสลัก เหล็กดัด กระจกสี รูปทรงโค้งเลื้อยวนไป) ทำให้คู่รักนี้ ตัดสินใจเลือก Antoni Gaudí สถาปนิกชื่อดังสุดๆ ในยุคนั้นมาออกแบบบ้านให้ เพราะชอบใจในบ้านที่เกาดีออกแบบไปแล้วบนถนนเส้นเดียวกัน นั่นคือ Casa Batlló (บ้านของ Batllo)
.
Casa Mila จึงถือกำเนิดขึ้น (Casa แปลว่า บ้าน, ดังนั้นจึงแปลว่า บ้านของตระกูล Mila) โดยโจทย์ที่คู่รักนี้มอบให้คือ โปรเจคส์การสร้างอพาร์ทเมนต์สำหรับพักอาศัย และปล่อยเช่า (เรียกว่าได้เรือนหอบวกเงินค่าเช่าอีก ฉลาดจริง) ทำให้ตึกนี้มีทั้งหมด 6 ชั้น (ครอบครัว Mila อยู่เอง 1 ชั้น และอีก 4 ชั้นเอาไว้ปล่อยเช่า และอีก 1 ชั้นคือ ดาดฟ้า)
.
ถ้ามองว่ามันคือโปรเจคส์ก่อสร้างคอนโด ก็ไม่แปลกในยุคนี้ แต่นี่คือเมื่อ 120 ปีที่แล้ว ที่เนรมิตอาคารสูง พร้อมห้องอีกหลายยูนิต และจุดขายคือดาดฟ้าเมืองบาร์เซโลน่าเข้าด้วยกัน งานนี้สถาปนิกอย่าง Antoni Gaudí ได้เวลาโชว์ฝีมือเต็มที่! และ Draft แรกที่ส่งกลับมาคือ อาคาร 9 ชั้นที่เรียกได้ว่าทำให้สภาเมืองช็อคมาก จนลดทอนเหลือ 6 ชั้น อย่างปัจจุบัน
ในการออกแบบได้มีการนำเหล็กมาใช้ในการค้ำจุนโครงสร้างของตัวอาคาร และทำชั้นดาดฟ้าให้เป็นปีก (ที่มองจากข้างล่างไม่เห็น) เพราะตอนยื่นแบบขออนุญาตไปเพียง 2 ชั้นเท่านั้น แต่ต่อมาเรื่องก็จบด้วยดี เพราะนี่คือ ผลงานสร้างสรรค์ที่ไม่ควรมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับมาห้าม จน Casa Mila ก็ได้ก่อสร้างในที่สุด
%20%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.jpg)
.
และแนวคิดของอาคารนี้คือ การอาศัยอยู่ใต้ท้องทะเล (หรือบ้านสาหร่าย) ที่มีการไล่เฉดสีจากด้านบนลงสู่ด้านล่าง การออกแบบที่ได้แนวคิดมาจากทะเล คลื่น จนเริ่มเข้าสู่การก่อสร้างไปเรื่อยๆ
La Pedrera
อีกชื่อหนึ่งนอกจาก Casa Milà แล้ว ที่นี่ถูกเรียกว่า La Pedrera ที่แปลว่า เหมืองหิน (The stone talar) เพราะด้วยอาคารรูปทรงแปลกตา โค้งเว้า จากคลื่น ภูเขา หรือแม้กระทั่งทรงของอาคาร ที่เมื่อผ่านไป 5 ปี ที่อาคารสร้างเสร็จเรียบร้อย กลับทำให้ชาวเมืองรอบๆ เพื่อนบ้าน หวาดกลัว หาว่าน่าเกลียดเพราะรูปปั้นหินยักษ์บนดาดฟ้า เหล็กดัด หรือโครงสร้างแทบทุกส่วนของอาคารที่เรียกได้ว่า แปลกตา แหวกแนว ล้ำยุคกว่าอาคารรอบๆ
.
แต่เจ้าของบ้านก็ยังทนอยู่และเปิดให้เช่าอพาร์ทเมนต์ไปเรื่อยๆ แม้ปัจจุบัน Casa Milà จะได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลก UNESCO แล้ว แต่ก็ยังมีคนอยู่อาศัยจริงๆ ที่นี่ (แต่มีข้อแม้ว่าต้องเช่ามาแล้ว 70 ปี) และปัจจุบันสามารถให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มาเยี่ยมชมตั้งแต่โถงด้านในจนไปถึงชั้นดาดฟ้าและห้องต่างๆ ที่เราจะพาไปรู้จักกัน
.
Constructive and decorative items
เมื่อคุณมาถึงถนน Passeig de Gràcia คุณจะพบกับอาคารหัวมุมที่แปลกตา ที่นั่นคือ Casa Milà และเราพร้อมแล้วที่จะค่อยๆ เล่าไปทีละส่วน มาแล้วก็ตีตั๋วไปเที่ยวด้วยกัน
.
Facade
เริ่มกันที่ Facade (ด้านหน้าของตึก) ถูกประกอบด้วย หินทราย (Limestone) ขนาดใหญ่เป็นบล็อก และเมื่อมองจากด้านนอก จุดที่เด่นที่สุดคือความโค้งเว้าจากหินที่เรียกได้ว่า ทำยาก หายาก และไม่เหมือนใครบอกโลก
.
Hall and courtyards
เมื่อเดินเข้ามาด้านใน จุดพีคของอาคารนี้คือ Hall และ Courtyards ที่เรียกได้ว่าเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นท้องฟ้า ตัวอาคารเป็นทรงรีที่เจาะด้านในตรงกลางให้แสงส่องสว่างมาสู่กลางตึกที่มักเป็นปัญหาสำหรับตึกสูงที่แสงส่องไม่ถึง พร้อมทั้งยังช่วยระบายอากาศ และยังเชื่อมไปถึง ชานนอกบ้านอีกด้วย
.
พร้อมทั้งยังมีบันไดวนสำหรับคนใช้ ส่วนเจ้าของบ้านก็ขึ้นลิฟท์ส่วนกลางไป แถมที่นี่ยังมีที่จอดรถใต้ดิน ที่แรกของบาร์เซโลน่าด้วยนะ (ล้ำจริง)
.
%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.webp)
Interior, gates
นอกจากความพิเศษของการออกแบบที่ตรง Concept หนักมากแล้ว ที่นี่ทั้ง เหล็กดัด มือจับ บานประตู ถูกออกแบบให้กันสุดๆ เพราะ Gaudi ได้ออกแบบใหม่ให้เข้ากับโลกใต้ท้องทะเลที่สุด เช่น ประตูบ้านที่ออกแบบให้คล้ายกับฟองคลื่น และบานจับที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก กระดูกของปลา
Roof and chimneys
และไฮไลท์ที่สุดของอาคารหลังนี้คือ ดาดฟ้า ที่เรียกว่า The garden of warriors ที่นอกจากเห็นวิวเมืองบาร์เซโลน่า 360 องศาแล้ว ยังเต็มไปด้วยรูปปั้นยักษ์ที่ทำจากหินทรายเรียงราย ทอดยาวให้เราเดินเพลินๆ ถ่ายรูปกัน พร้อมสีน้ำตาล-เหลือง ที่ตัดกับท้องฟ้าสดใสของเมือง เรียกได้ว่าเป็นวิวระดับ 5 ดาวบนโลกจริงๆ
.
.
แต่ไม่ใช่แค่โชว์เพราะบนดาดฟ้ายังมีโดมอีกหลายอันที่ทำหน้าที่เป็น ปล่องไฟ เอาไว้ระบายอากาศในตึกอีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งสวยและฟังก์ชันครบในชั้นเดียว
.
The Furniture
นอกจากโครงสร้าง การออกแบบภายใน รายละเอียดทั้งหมดของอาคารแล้ว อีกสิ่งที่ทำให้ที่นี่น่าสนใจคือ เฟอร์นิเจอร์ ที่ในปัจจุบันถ้าเราได้มีโอกาสไปก็จะเป็น Vintage Furniture นี่แหละ แต่ในยุคนั้น เกาดี อยากแนะนำเป็น Modernism เสียมากกว่าด้วยซ้ำ (แต่เราว่าแบบไหนก็ต้องเท่แน่นอน)
Works of Antoni Gaudí
เมื่ออ่านมาถึงขนาดนี้แล้ว เราเชื่อว่าหลายคนต้องอยากปักหมุดไปที่นี่สักครั้ง (ขนาดเราเคยไปแล้ว ยังอยากกลับไปเก็บรายละเอียดอีกรอบเลย) แนะนำเลยค่ะว่าต้องไป และนี่คือผลงานของสถาปนิกชื่อก้องโลกแห่งคาตาลัน Antoni Gaudí ที่ฝากผลงานชิ้นนี้ถือเป็นชิ้นรองสุดท้าย (ชิ้นสุดท้ายคือโบสถ์ Sagrada Familia) ก่อนที่เค้าจะเกิดอุบัติเหตุและจากโลกนี้ไป
.
ปัจจุบันภายในห้องใต้หลังคาของที่นี่ ยังเป็นมิวเซียมที่รวบรวมข้อมูลการก่อสร้างเอาไว้ด้วย ใครมีโอกาสก็เดินชมได้เช่นเดียวกัน
คราวหน้า เราจะพาไปเที่ยวงานเกาดีกันต่อให้ทั่วสเปน พร้อมสลับกับมิวเซียมน่าสนใจจากทั่วโลกกันค่ะ
.
Reference
