เที่ยว 21_21 design sight : SS Museum EP.13 สเปซดีไซน์มองง่าย เข้าถึงชีวิตประจำวัน
เที่ยว 21_21 design sight – หากใครมีแผนกำลังจะไปโตเกียว หรือ ไปเที่ยวญี่ปุ่น และกำลังมองหามิวเซียมดีไซน์จัดๆ สักที่อยู่ เราจะขอแนะนำที่นี่ เพราะด้วยแค่ตัวตึกที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง ผสมกับแนวคิดจากดีไซเนอร์ชื่อดังของญี่ปุ่น แถมไปอีกกับ Graphic design ระดับปรมาจารย์ คือ แค่ 3 ชื่อนี้รวมกัน ที่นี่ก็ดีงามจนต้องปักหมุดแล้ว วันนี้แหละ เราจะมาเล่าให้ฟังว่าทำไม 21_21 ถึงเป็นจุดมุ่งหมายของดีไซเนอร์และผู้ที่ชื่นชอบศิลปะทุกคน
.
เพื่อนๆ คนไหนที่ชอบเรื่องราวของมิวเซียมจากทั่วโลก เรารวมไว้แล้วที่โซน Travel > Museum คลิกเลย! หรือเรื่องของ Brand คลิกเลย!
.
21_21 ?
(อ่านว่า two-one two-one) คำถามแรกที่ทุกคนคงข้องใจก็คือ ทำไมต้อง 21 ที่ไปที่มาของคำตอบนั้นมาจาก เลข 21 ถือเป็นเลขที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ค่าสายตาปกติของมนุษย์เราคือ 20/20 Vision ถ้าคุ้นๆ จำได้ตอนเด็กๆ ก่อนที่เราจะสายตาสั้นกัน ค่าสายตาปกติคือ 20 นั่นแหละ แต่ที่นี่จะต้องการสื่อถึง การมองไปข้างหน้าอีกก้าว จึงกลายเป็นเลข 21 นั่นเอง
.
.
ไม่ใช่แค่เพียงแค่ชื่อ แต่ Logo ของที่นี่ยังล้อมากับแผ่น Metal Sheet แผ่นป้ายเหล็กบ้านเลขที่ที่ติดตามหน้าบ้านญี่ปุ่น เพื่อสื่อว่า นี่คือเรื่องสามัญธรรมดา และอยากให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายเสมือนมาเที่ยวบ้านนั่นเอง แต่การคัดเลือกนิทรรศการของที่นี่ยังใส่ใจทุกสิ่งอย่างตั้งแต่ เรื่องราว ศิลปิน ความเข้าใจง่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อทำให้ทุกคนที่เข้ามาดูเข้าใจ และ มีความรู้สึกที่ดีต่อศิลปะและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
.
.
Japanese Designer
อีกหนึ่งความเจ๋งและเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้คนจากทั่วโลกมาเยือนที่นี่คือ ที่นี่เป็นการรวมตัวกันของ 3 สุดยอดดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น ที่เรียกได้ว่า ปล่อยพลังจัดเต็มกับที่นี่ นั่นคือ Tadao Ando, Issey Miyake และ Naoto Fukusawa แต่ละคนมีความเจ๋งยังไง และมีส่วนในมิวเซียมนี้อย่างไร เราจะขอเล่าไปเป็นคนๆ ให้ฟัง
.
.
Tadao Ando — สถาปนิกระดับโลกกับงานสุดเป็นเอกลักษณ์ ปูนเปลือย เหลี่ยม แข็ง ที่ใครเห็นก็ต้องจำได้
.
ที่นี่ Tadao เป็นผู้ออกแบบงานด้านโครงสร้างทั้งหมด ทั้งภายในและภายนอก ด้วยรูปทรงตึกที่เท่ ทางเข้าที่เรียบง่าย และโถงภายในจากแนวคิด “A Piece of Cloth” ที่โดดเด่นด้วยหลังคาทรงสามเหลี่ยม 2 ชิ้นขนาดใหญ่ ที่ถูกแบ่งพื้นที่ให้เข้าใจง่าย ด้วยตัวอาคารมีเพียงแค่ 2 ชั้น คือ ชั้น G และ ใต้ดิน ฝั่งซ้ายจะเป็นร้านอาหาร ฝั่งขวาจะเป็น Gallery ที่ต้องเดินเข้าจากบนดินและชมผลงานหลักๆ ในชั้นใต้ดินนั่นเอง จากความไม่สูงของอาคารนี้เอง ทำให้เราสามารถมองเห็นท้องฟ้าย่านรปปงงิได้เต็มตาเลย
*หากใครชื่นชอบงาน Tadao Ando เรามีรวบรวมไว้ 10 ที่โลก > คลิกอ่านได้เลย
.
.
Issey Miyake — ดีไซเนอร์อินเตอร์แบรนด์ที่พาวัฒนธรรมญี่ปุ่นโด่งดังไปทั่วโลก
ถ้าถามว่าใครไม่คุ้นชื่อนี้คือน้อยมาก เพราะผลงานเค้าดังหลายตัวสุดๆ Issey Miyake เกิดที่ฮิโรชิม่า แล้วก็มาเรียนที่ Tama University (มหาลัยนี้คนเมพด้านดีไซน์เขามักเรียนกัน) จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสทำงานเบื้องหลังให้หลายแบรนด์มากมาย เช่น Guy Laroche, Hubert de Givenchy พอเทพแล้วเขาก็กลับมาบ้านเกิด มุ่งมั่นที่จะเอาวัฒนธรรมศิลปะของประเทศชาติตนเองมาผสมผสานกับดีไซน์ของเค้า เช่น โอริงามิ (ศิลปะการพับกระดาษญี่ปุ่น)มาเป็นแรงบันดาลใจการจับพลีท (พลีทเหมือนกระโปรงพลีท ที่ นักศึกษาใส่แหละค่ะ) จึงกลายมาเป็นแบรนด์ PLEATS PLEASE อย่างทุกวันนี้
.
และที่นี่ Issey ก็มีส่วนสำคัญในการคัดเลือกชิ้นงาน และเป็นถึง Founder ของที่นี่เลย
.
Naoto Fukusawa — ดีไซเนอร์ระดับเทพเบื้องหลังแบรนด์ดังมากมาย
ในบรรดา 3 คนที่เราพูดถึงไป ชื่อนี้อาจจะเป็นที่รู้จักน้อยที่สุด แต่บอกเลยว่า เฮียแกเทพมาก เพราะนี่คือดีไซเนอร์เบื้องหลังแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Muji หรือชื่อของเค้าดีไซน์เนอร์ที่ไปออกแบบนาฬิกาให้ Issey Miyake และอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ก๊อกน้ำ เก้าอี้ โคมไฟ เรียกว่าเป็น Product Designer ระดับขึ้นหิ้งไปแล้ว
.
.
และแน่นอนว่าความเจ๋งของทั้ง 3 คนนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเป็นที่นี่นั่นเอง และปัจจุบันก็ได้เพิ่ม Director มาอีก 1 ท่านคือ
Taku Satoh — กราฟิกดีไซเนอร์สุดเทพ งานเอกลักษณ์ ดึงเอาความเป็นญี่ปุ่นออกมาขั้นสุด
ถ้าจำกันได้ เราเคยเขียนถึง CupNoodle Museum ไปแล้ว และที่โดดเด่นคือ งาน Branding หรือ Corporate Identity นั่นเอง และทั้งหมดจัดทำโดย Taku Satoh เจ้าพ่อกราฟิกดีไซน์ของญี่ปุ่นค่ะ และไม่ใช่แค่งานนี้ แต่ยังอยู่เบื้องหลังงานอีกมากมาย สามารถเข้าไปดูผลงานเพิ่มเติมได้ที่ > https://www.tsdo.jp/
.
Since 2007
นอกจากที่มาที่ไป เหล่านักออกแบบ-ผู้เกี่ยวข้อง แล้ว ที่นี่ยังถือเป็น พิพิธภัณฑ์ดีไซน์แห่งแรกของโตเกียว ที่เปิดตั้งแต่ปี 2007 บนทำเล Roppongi ย่านดังในกรุงโตเกียว (ถ้ามาแล้วก็แนะนำให้ไป Mori Arts อีกทีนะคะ ใกล้ๆกัน) ที่นี่จึงถือเป็นขุมทรัพย์ที่รวบรวมนิทรรศการสำคัญของญี่ปุ่นเอาไว้เยอะมาก ที่หมุนเวียนไม่ซ้ำกัน จนอยากไปดูแทบทุกงานเลย ที่สำคัญของที่ระลึกในมิวเซียมคือแบ่บ ดีงาม น่าช็อปสุด
.
สุดท้าย เราจึงอยากชวนทุกคนให้มาลองไปที่นี่กัน แล้วจะพบกับนิทรรศการ งานดีๆ ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และชื่นชอบในศิลปะและงานดีไซน์ของญี่ปุ่นกันมากขึ้นนะคะ 😀
.
Reference
- http://www.2121designsight.jp/en/designsight/
- https://go-graph.com/japan-north-south-ep7-tokyo-day-2-design-day/
- https://www.womjapan.com/column/travel/update-travel/21_21-design-sight/
- http://www.tiewyeepoon.com/review/tokyo-21_21-foundmuji/
Related posts:
- The Grand Egyptian Museum : SS Museum EP.4 มิวเซียมโบราณคดีที่ใหญ่ที่สุดในโลก!
- Casa Milà : SS Museum EP.5 งานออกแบบบ้านที่เรียบที่สุดของเกาดี้แห่งบาร์เซโลน่า
- Cup Noodles Museum : SS Museum EP.8 ลิ้มรสมิวเซียมบะหมี่ถ้วยสุดครีเอท ที่โยโกฮาม่า
- Vitra Design Museum : SS Museum EP.11 มิวเซียมแบรนด์เฟอร์ในตำนานที่ควรค่าแก่การไป!