Aesop แบรนด์ ขวดที่มีทุกบ้าน สกินแคร์ออสเตรเลียที่กลิ่นดี ขวดสวย ควรมี!
Aesop แบรนด์ — ถ้ารักการแต่งบ้าน ห้องน้ำก็ต้องสวย หรือพร็อพในห้องนั่งเล่นก็ต้องสวยด้วย ผลิตภัณฑ์สกินแคร์สัญชาติออสเตรเลียที่ดีทั้งคุณภาพ กลิ่น และหน้าตา packaging ที่ควรมีไว้ในบ้าน ทำให้บ้านคุณเก๋ขึ้นอีกเป็นกอง
We offer skin, hair and body care formulations created with meticulous attention to detail, and with efficacy and sensory pleasure in mind.
Aesop’s philosophy
Aesop (เอสอบ / เอโซป) แบรนด์สกินแคร์ ไปจนถึง ผม ผิวพรรณ สบู่ สุขภาพในช่องปาก และเครื่องหอม มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1987 (30 กว่าปีแล้ว) ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย โดย Dennis Paphitis (ที่เป็นช่างทำผมมาก่อน และหลงใหลในผลิตภัณฑ์บำรุงผมมากมาย) และ Suzanne Santos (คนดูแลแบรนด์ Aesop ทั้งหมดในปัจจุบัน นี่คือมันสมองที่แท้ทรู) ชาวออสเตรเลียแท้ๆ ทั้งคู่
ในช่วงเริ่มต้นแบรนด์ Dennis ได้ติดต่อกับนักวิทยาศาสตร์ที่ LA เพื่อสร้างแชมพู และ ครีมบำรุงผมที่ดีที่สุดจากห้องแล็บออกมาก่อน และด้วยปรัชญาที่อยากสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดจากธรรมชาติ
ทำให้ Aesop กลายเป็นแบรนด์สกินแคร์ที่ได้รับความนิยม (แต่ไม่ได้เคลมตัวเองว่าเป็นสินค้าออร์แกนิค)โดยผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของธรรมชาติและการสังเคราะห์จากห้องทดลองที่พิสูจน์แล้วว่าปลอดภัย และ ดีต่อผิวพรรณของทุกคน
จนถึงปัจจุบัน Aesop มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดเท้ากว่า 83 ชิ้นแล้ว และเราเชื่อว่าจะมีต่อไปอีกแน่นอน
A meticulous passion
เราไม่ได้อยากเล่าประวัติศาสตร์ของแบรนด์มากนัก เพราะเราเชื่อว่า สิ่งที่ทำให้ Aesop กลายเป็นแบรนด์ที่รักของทุกคนคือ คุณภาพสินค้า และ หน้าตาของสินค้า อย่างแน่นอน
Aesop ถูกออกแบบให้ขวดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีการใช้ขวดสีชาเหมือนขวดยาวิทยาศาสตร์พร้อมฉลากกับฟอนต์ Helvetica และ Optima Medium เท่านั้น สีก็ไม่มาก แค่สีดำและฉลากสีครีม แต่ที่เจ๋งไม่ใช่แค่สวย เพราะขวดสีชาสุดเก๋นั้นยังช่วยกันแสง UV และเก็บรักษาคุณค่าของวิตามินต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี
ส่วนฉลากนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เราเห็นที่ไหน เมื่อไหร่ ก็รู้ทันทีว่านี่แหละ Aesop ! (Text ยาวมาก และทำให้ส่วนผสมอันน่าเบื่อต่างๆ ของสกินแคร์ดูกลายเป็นกราฟิกได้ทันที)
A respectful design & Function
อีกหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Shop ทั่วโลกของ Aesop กว่าหลายร้อยสาขา ที่เรียกว่า สวย มีเอกลักษณ์ และไม่ซ้ำใคร เพราะเบื้องหลังของแต่ละร้านนั้น ถูกเริ่มต้นมาจากไอเดียง่ายๆ ว่า เมื่อเปิดสาขาที่ไหนเราจะเคารพ และดึงเอกลักษณ์ของที่นั่นมาใช้ — นั่นทำให้แต่ละช็อปของ Aesop มีลูกเล่น สีสัน และ Material ไม่เคยเหมือนกันเลย ไปจนถึงถ้าได้ตึกเก่ามาก็จะเคารพสถานที่บูรณะจนเข้ากับยุคสมัยที่สุด ไม่ใช่ไปทุบดื้อๆ และใช้ภาษาของการดีไซน์ช็อปให้เหมาะสมกับท้องถิ่นเสมอ (จนอยากไปเช็คอินทุกที่ ทุกสาขา)
นอกจากการดึงเรื่องราวมาแล้ว Ilse Crawford อินทีเรียดีไซเนอร์แบรนด์ Aesop — ผู้อื่นเบื้องหลังทั้งหมดของแบรนด์ ได้เล่าว่า อีกเสน่ห์ของช็อปทุกช็อปของ Aesop คือ ต้องมี อ่างล้างมือ! เพราะเธอเชื่อว่า การสร้างบรรยากาศ กลิ่นหอม และ ประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า จะทำให้แบรนด์เป็นที่รักและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ดังแนวคิดที่ว่า Home sweet home
แล้วอ่างล้างหน้ามาช่วยอะไร ?
ถ้าเราคุ้นเคยกับแบรนด์ Skincare หรือเครื่องสำอางค์อื่นๆ ก็จะพบว่าแบรนด์ส่วนใหญ่นั้นเน้นการขายสินค้า แต่สำหรับ Aesop แล้ว การมี “อ่างล้างมือ” ทำให้แบรนด์สกินแคร์ที่ดูหลายคนไม่กล้าเดินเข้าไป ถูกแปลงเป็นช็อปที่คุ้นเคย เสมือน “บ้าน” ของคุณทันที
หลังจากนี้ ลองสังเกตกันดู ไม่ว่า Aesop สาขาไหนทั่วโลก ต้องมีอ่างล้างมือทุกสาขา (และมีชาเปปเปอร์มินต์ให้ชิมตลอด)
In the name of Aesop
นอกจาก ขวดสวย ของดี ร้านสวยแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นคือ การตั้งชื่อสินค้าแต่ละรุ่นของ Aesop ที่ถ้าไม่ใช่การตั้งตรงๆ ว่าผลิตภัณฑ์คืออะไร ก็จะเป็นชื่อเก๋ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกันไปเลย เบื้องหลังการตั้งชื่อพวกนี้ก็ยังมีเรื่องเล่าอีกนะ
ขวดน้ำหอมในห้องของ Aesop ถูกตั้งชื่อตามดารา นักแสดง คาแรคเตอร์ในภาพยนตร์ เช่น
- Beatrice Oil Burner Blend ตั้งชื่อตาม Beatrice Dalle จากภาพยนตร์เรื่อง Betty Blue ปี 1986 แนวกลิ่น Beatrice จึงให้ฟีลลิ่งจริงจัง ความเป็นตัวของตัวเองตามคาแรคเตอร์นั้น
- Anouk Oil Burner Blend ตั้งชื่อตาม Anouk Aimee จากภาพยนตร์เรื่อง La Dolce Vita ปี 1960 แนวกลิ่น Anouk จึงเป็นกลิ่นที่ดมแล้วมั่นใจ มีพลังอยากไปทำอะไรต่อไป
- Catherine Oil Burner Blend ตั้งชื่อตาม Catherine Deneuve จากภาพยนตร์เรื่อง Belle De Jour ปี 1969 แนวกลิ่นของ Catherine ที่เข้มข้นแต่ยังมีกลิ่นผลไม้เบาๆ
- Isabelle Oil Burner Blend ตั้งชื่อตาม Isabelle Adjani จากภาพยนตร์เรื่อง Possession ปี 1981 ที่กลิ่น Isabelle จะสดใส ร่าเริงมีชีวิตชีวา
- Reference : https://thestandard.co/aesop-store-design/
Head to toe products
เล่าถึงที่มาที่ไปของแบรนด์ เบื้องหลังแนวคิดดีไซน์ออกมาซะเยอะ (เว็บอื่นเค้าไม่เล่ากันอะ) ในที่สุดก็มาถึงช่วงที่ทุกคนเล่ากันมาเป็นพันรอบแล้ว นั่นคือ ผลิตภัณฑ์ของ Aesop ทั้งหมด จริงๆ แล้วมีเยอะมาก ตั้งแต่แชมพู ครีมนวด สบู่ ที่ขัดผิว ครีมบำรุงหน้า ลิปมัน ยาสีฟัน น้ำหอมในห้อง ไปจนถึง เซ็ทสำหรับเดินทาง คือให้เล่าทั้งหมด ก็รู้สึกเหนื่อย แต่นั่นแหละ ตามสไตล์เล่า ใครทนอ่าน ก็อ่านต่อไป เราจะเล่าทั้งหมด !
Skin
เริ่มกันที่ตัว “ผิว” กันก่อน Aesop มีสินค้าชื่อดังหลายตัวด้วยกัน ที่ทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ นั่นคือ Parsley Seed (สารสกัดเมล็ดองุ่น) ที่ช่วยให้ผิวเต่งตึง แน่นดี ราคาไม่แพงมาก และยังมีเยอะมาก ตั้งแต่ที่ล้างหน้า ครีมทาใต้ตา เซรัม และไปจนถึง โทนเนอร์ คลีนเซอร์ ที่เรียกว่า ถ้าไม่แพ้ Parsley Seed ก็จัดๆ ไปให้หมดเถอะ
นอกจากตัวท็อปราคาน่ารักแล้ว อีกตัวที่ชาวโลกบอกว่าดีงามแต่ราคาโหดคือ B Triple C Facial Balancing Gel ที่เรียกว่ากระปุกนึงแพงมาก แต่ผลลัพธ์คือดีมากนั่นเอง
ต่อกันด้วย ลิปมัน (Rosehip Seed Lip Cream) มีตั้งแต่เจลหลอด ไปจนถึงแท่ง (มีคนรีวิวว่าแบบเจลหลอดดีกว่า) ก็ไปลองหาซื้อกันดูได้ แบบไหนก็สวยทั้งหมด
Hair
มาต่อกันที่ “ผม” เอาจริงยาสระผม / แชมพู ถือเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์เลย เพราะผู้ก่อตั้งแบรนด์นั้นเป็นช่างทำผมมาก่อน ดังนั้นแชมพูของ Aesop ต้องดีเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ค่อยมีคนใช้กันเพราะแชมพูคงสิ้นเปลืองเกินไป และผิวหน้าที่ต้องรักษาเราน่าจะยอมเปย์กันมากกว่า แต่ตัวที่เราใช้กันคือ Classic Shampoo ที่ก็ใช้แล้วหอมดี เพราะมีกลิ่นธรรมชาติสไตล์ Aesop ผมไม่มัน บำรุงผม ไปลองกันดูได้
Body & Hand
มาต่อกันที่ ร่างกายทั้งหมด ไปจนถึงมือ — ตัวที่จะแนะนำคือ ครีมทามือ (Resurrection Aromatique Hand Balm) นี่คือสิ่งที่ซื้อง่าย ขายคล่อง ซื้อเป็นของฝาก ของขวัญเพื่อนได้หมด กลิ่นธรรมชาติที่หอม หลอดสีชมพูน่ารัก จะเอาไปแต่งห้อง จะเอาไปทามือก็ดีไปหมด
และตัวที่เข้ากับสถานการณ์ช่วงนี้ สบู่ล้างมือ (Reverence Aromatique Hand Wash) นั่นเอง มีขวดเดียว ใช้คุ้ม สบู่เข้มข้นมาก กลิ่นหอม ขวดสวย และที่สำคัญใช้ได้นาน
และดีที่สุด จนกลับไปใช้แบรนด์อื่นไม่ได้คือ ยาสีฟัน (Toothpaste) ด้วยหลอดที่สวยงาม กลิ่นที่สดชื่น แปรงเมื่อไหร่ก็ดี ดูสะอาด ดูคลีน ใครเริ่มต้นเป็นแฟน Aesop ก็มาลองยาสีฟันก่อนได้ หรือถ้าอยากคุ้มกว่านั้น ไม่เอายาสีฟัน Aesop ก็มี “น้ำยาบ้วนปาก” (Mouthwash) ที่เราถือว่าคุ้มมากๆ เพราะขวดใหญ่ (เวลาบ้วนก็ผสมน้ำด้วยนะ) แถมยังแถมบีกเกอร์อันเล็กสุดน่ารักมาให้อีก ราคาก็ไม่แพง อันนี้คุ้มสุดจริง
Fragrance & Home
น้ำหอมก็ถือเป็นสินค้าไลน์ใหม่ของ Aesop ที่ทยอยออกกลิ่นมาเรื่อยๆ ถ้าใครชอบกลิ่นสไตล์ Aesop ก็สามารถไปซื้อฉีด ขวดน่ารัก กล่องสวยงาม พร้อมยังมี Room Spray ที่สามารถฉีดห้องให้หอม แต่งบ้านให้กลิ่นดีได้ทั้งวันอีกด้วย
Kits & Travel
อีกหนึ่งจุดขายน่ารักของ Aesop คือมี Set สำหรับเดินทาง ที่ตั้งชื่อตามเมืองทั่วโลก กล่องสวยมากกก ข้างในคุ้มมาก ถือเป็นการดีสำหรับคนที่เริ่มต้นเป็นสาวก เพราะจะได้ลองทุกสิ่งตั้งแต่ครีม ยาสีฟัน และผลิตภัณฑ์อีกหลายอย่างในกล่องเดียว เรียกว่า กล่องสวย ใช้ต่อได้ และคุ้มค่าจริง แถมยังมีคอลเลคชันปล่อยออกมาเรื่อยๆ ด้วย ต้องคอยติดตาม
The genuine
สุดท้าย ท้ายสุด Aesop ถือเป็นแบรนด์ Skincare ที่ประสบความสำเร็จมากอีกแบรนด์หนึ่งทั่วโลก ทำให้หลายคนรักในแบรนด์ เรียกว่าถอนตัวไม่ขึ้น (ซื้อแล้วต้องซื้ออีกจนเงินหมด) ทั้ง คุณภาพของสินค้า รูปลักษณ์ และประสบการณ์ที่ได้จากแบรนด์ ซึ่งสำหรับเราถือว่าเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ และ เป็นตัวของตัวเองมากจนหลายแบรนด์ ลูกค้า ต้องคอยติดตามกันเรื่อยๆ ดังคำกล่าวของแบรนด์ที่บอกไว้ว่า…
‘Do not wish to be anything but what you are, and try to be that perfectly’
Reference
- https://www.aesop.com
- https://en.wikipedia.org/wiki/Aesop_(brand)
- https://thestandard.co/lifestyle-beauty-aesop-skincare/
- https://thestandard.co/aesop-store-design/
- https://www.theguardian.com/fashion/2019/oct/20/the-label-of-fable-tales-from-aesop-skincare
- https://www.afr.com/life-and-luxury/aesops-fable-the-skincare-company-that-puts-culture-first-20170323-gv4hwu